วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

รูปแบบศิลปะและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม

รูปแบบศิลปะและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม


ศิลปะแบบโมเดิร์นใน เมืองซาร์ลบวร์ก (Modern Art in Salzburg) ผลงานชิ้นใหม่ที่ถูกสร้างเพิ่มขึ้นทุกปี เมื่อนำมาวางเคียงข้างกับศิลปะล้ำค่าที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยบาโรค ทำให้เกิดการเปรียบเทียบอย่างสร้างสรรค์ขึ้นในสายตาผู้พบเห็น




บุคคลสำคัญ


โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart 1756-1791)
ผู้ประพันธ์เพลงที่ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งในสมัยคลาสสิกเป็นชาว ออสเตรีย กำเนิดในครอบครัวนักดนตรี เมืองซาลส์บวร์ก(Salzbutrg) เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ.1756 ถึงแก่กรรมที่ เวียนนา วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1791 และมีชื่อเสียงในงานประพันธ์ดนตรีประเภทซิมโฟนีเชมเบอร์ มิวสิกและโอเปร่าเมื่อเขาอายุ 4 ปี เขาสามารถเรียนดนตรีได้ครั้งละครึ่งชั่วโมงเมื่ออายุ 5 ปี เขาสามารถเล่นคลาเวียร์ ได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเขียนซิมโฟนีชิ้นแรกเมื่อเขาอายุ 8 ปี เขาเดินทางทั่วยุโรปกับพ่อของเขาชื่อ เลโอโปลด์ โมสาร์ท (Leopard Mozart 1719 –1787) ซึ่งเป็นนักไวโอลิน และบางครั้งเป็นนักประพันธ์เพลงและเป็นผู้กำกับนักร้องประสานเสียงหรือวงออร์เคสตรา ในราชสำนักของ อาร์ชบิชอพที่ซาลส์บวร์ก(Archbishop of Salzburg) ทักษะทางคนตรีของเขาได้ปรากฏต่อ ราชสำนักครั้งแรกที่เมืองมิวนิคในปี1762 และปรากฏต่อสาธารณะชนในระหว่างอายุ 7ถึง 15 ปี เขาใช้เวลาครึ่งหนึ่งในชีวิตในการเดินทางท่องเที่ยวไปเขาจึงซึมซับและเรียนรู้สำนวนดนตรีของยุโรปอย่างหลากหลาย สะสมจนเป็นสไตล์ของตัวเอง
ในปี 1777 เขาท่องเที่ยวไปกับมารดาของเขาที่เมืองมิวสิค แมนเฮม และปารีส และที่ ปารีส มารดาของเขาได้ถึงแก่กรรมอย่างกะทันหันในเดือนมกราคม 1778 เขาตกงาน จึงกลับไปที่บ้านเกิดในปี1779 และได้เป็นนักออร์แกนของราชสำนักอาร์ชบิชอพ ที่ซาลส์บวร์ก (Archship of Salzburg)และถูก ปลดออกในปี 1781 หลังจากนั้นเขากลายเป็นนักดนตรีอิสระคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ดำเนินชีวิต
โดยไม่ขึ้นกับราชสำนักหรือโบสถ์หรือผู้อุปถัมถ์ใด ๆ เขาย้ายไปที่เวียนนาและได้อยู่กับครอบครัว เวเบอร์ (The Webers) ซึ่งเป็นครอบครัวที่เขาพบในปี 1777 เขาแต่งงานกับคอนสตันซ์ เวเบอร์
(Constanze Weber) ในเดือนสิงหาคม 1782 หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ในปี 1782

เริ่มด้วยผลงาน The Singspiel Die Entfuhrung ans dem Serail (The Abduction from the Seraglio)
โมสาร์ทอาจจะเป็นนักประพันธ์คนเดียวในประวัติศาสตร์ที่เขียนเพลงอย่างประณีตทุกรูปแบบของดนตรีตลอดชีวิตของเขา ผลงาน ประเภทเซเรเนด (Serenades), Divertimenti,Dances ที่เขาเขียนขึ้นเพื่อความบันเทิงและงานปาร์ตี้ของขุนนาง ล้วนเป็นความยิ่งใหญ่ของสมัยคลาสสิก (Classical age of elegance)และถูกดัดแปลงโดยนักประพันธ์ชื่อ Eine Kleine Nachtmusik เป็น Serenade in G major
ในเวียนนาเขาเป็นคนสำคัญในราชสำนักของจักรพรรดิ์โจเซฟที่ 2 (Joseph1741 – 1790) ที่ซึ่งเขาได้เขียนดนตรีที่ยิ่งใหญ่มากมาย


ตัวอย่างเช่น The last string quartets, The string quintets, The quintet for clarinet and strings, The mass in C major, Requiem (ซึ่งเขาเขียนยังไม่เสร็จ), The Serenade for thirteen wind instruments, The Clarinet connect, และ The late piano concerto นอกจากนี้ Piano concerto ของเขายังคงมีรูปแบบของ The classic concerto form เขาปรับปรุงพัฒนามาเป็นงานของ Symphonic breadth and scope, Concerto ของเขามักเริ่มต้นด้วยรูปแบบโซนาตาในท่อนที่ 1 ตามด้วยท่อนที่ 2 ที่นุ่มนวลและเป็นทำนองเพลงโดยปกติมีเพลงที่มีชีวิตชีวารวมอยู่ด้วยพร้อมทั้งมี รอนโด (Rondo) หมายถึงเพลงที่บรรเลงโดยการย้อน ที่ดึงดูดความสนใจ เช่น The piano concerto no.22 in E flat ในซิมโฟนี 3 ชิ้นสุดท้าย ชิ้นที่ 2 คือ Symphony no.40 in G minor เขาได้ใส่ passion และการแสดงออกซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในการเขียนซิมโฟนีจนกระทั่งถึงสมัยของ เบโธเฟน (Beethoven)


งานด้านอุปรากรนั้นในปี ค.ศ. 1786 โมสาร์ทได้ร่วมมือกับลอเรนโซ ดา พอนเต้ (Lorenzo
Da Ponte) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำโรงละครหลวงในกรุงเวียนนาเขียน The marriage of Figaro
ขึ้น อุปรากรเรื่องนี้เมื่อแสดงครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้แต่ต่อมามีคนนำไปแสดงที่
กรุงปร๊าค นครหลวงของโบเฮเมีย ประเทศเชคโกสโลวาเกีย ได้รับความสำเร็จอย่างงดงาม ค.ศ. 1787
เขียนอุปรากรเรื่อง ดอน โจวันนี (Don Giovanni) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยของชายหนุ่มนัก
รักที่ชื่อว่า ดอน จิโอวันนี หรือดอน ฮวน (Don Juan) ได้สำเร็จ
ในระหว่างที่เขาอยู่ที่เวียนนาได้เป็นเพื่อนสนิทกับไฮเดิล (Franz Joseph Haydn) ซึ่งมีอิทธิพลต่อผลงานของเขาในระหว่างปี 1782 – 1785 โมสาร์ท (Mozart) ได้ประพันธ์ Six string quartets ซึ่งอุทิศให้ ไฮเดิล บางส่วนเขาทั้งสองเล่นด้วยกัน ด้วยการจัดการการเงินที่ผิดพลาดและด้วยความไม่มีประสบการณ์ชีวิตขาดการไตร่ตรอง และความประพฤติที่เหมือนเด็กที่ปีกกล้าขาแข็งและใช้ชีวิตอย่างเจ้านายทำให้เขาตกระกำลำบาก ในการดำเนินชีวิตภายในปี 1790 เขาได้เขียนจดหมายถึงเพื่อนหลายคนบรรยายถึงเขาและครอบครัว ( เขาและภรรยามีลูกด้วยกัน 6 คน มีชีวิตรอดอยู่เพียง 2 คน ) ความลำบากจนต้องขอ ทานเพื่อยังชีพ และในระหว่างนี้เอง เขาก็ป่วยหนักด้วยโรคไตแต่ด้วยความสำเร็จของ The Magic Flute เขาได้รับเงินจ่ายประจำปี เขาจึงเริ่มต้นมีความมั่นคงทางการเงินอีกครั้งในขณะที่โรคของเขานำเขาไปสู่ความตายเมื่อเขาอายุได้ 36 ปี เขาถูกฝังเหมือนชาวเวียนนาทั่วไปโดยคำบัญชาของจักรพรรดิ์โจเซฟในหลุมศพสามัญทั่วไปซึ่งที่ ฝังศพแน่นอนจนปัจจุบันก็ยังไม่ทราบ


นักประพันธ์ในปลายศตวรรษที่ 19 ที่บูชาและยกย่องเขามากได้แก่ Richard Wagner และ Peter Tchaikovsky และดนตรีของเขามีอิทธิพลต่อ The neo – classical compositions ของ Igor Stravinsky และ Sergei Prokofiev ในศตวรรษที่ 20

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น